น้ำหนักโกลเด้นที่ควรจะเป็นคือ ตัวผู้ (27 - 36 kg) / ตัวเมีย (25 – 32 kg)
ซึ่งการอ้วนและการผอมเนี่ย ถ้าอ่านให้ละเอียดจะเห็นเลยว่า ช่วงน้ำหนักค่อนข้างกว้าง เมื่อเทียบกับสายพันธุ์อื่นๆ
ดังนั้นการดูว่าอ้วนหรือผอมจะต้องดูจาก chart เทียบสรีระของแต่ละตัวนะคะ
"นั่นคือ ไม่ได้หมายความว่า สุนัขที่ 36 กิโลกรัมจะดีใจได้ว่าอยู่ในมาตรฐาน ถ้าเกิดว่าเป็นสุนัขโครงสร้างเล็ก การมีน้ำหนัก 36 kg นี่คือสามารถทำให้ข้อเสื่อมก่อนกำหนดได้นะคะ "

เช่นการมองจากด้านบนแบบนี้ รูปบนคือรูปโกลเด้นสมส่วน ส่วนรูปล่าง หลังแบนกระดานแบบนั้น คือ อ้วนค่ะ
มองจากบ้านบน ไม่มีเหตุผลเรื่อง "ขนมันพอง" แล้วนะคะ

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดบ้านอร กับบ้านออม น้ำหนักหมาสองบ้านนี้อยู่ที่
ลาเต้ 28 kg, ริชชี่ 27 kg ส่วนสูงไล่เลี่ยกัน รูปแบบโครงสร้างไล่เลี่ยกัน แต่ "หมาคนละเพศกัน" แต่ทั้งสองตัว จับเอามามองด้านบนเทียบกัน จะได้แบบเดียวกันกับรูปตามด้านบนค่ะ
ริชชี่เป็นตัวเมีย เกินค่ามาตรฐานต่ำสุดมา 2 kg (ตัวเมียต่ำสุด 25 kg แต่ริชชี่ 27kg)
ลาเต้เป็นตัวผู้ เกินมาตรฐานต่ำสุดมาแค่ 1 kg (ตัวผู้ต่ำสุด 27 kg ลาเต้ 28 kg)
ถ้ามาเจอตัวกัน จะเห็นว่า ริชชี่สูงกว่าลาเต้นิดหน่อย แต่น้ำหนักทำได้ไล่เลี่ยกัน
เพราะริชชี่มีปัญหาเรื่องกระดูกตั้งแต่เด็กๆ ส่วนลาเต้ พันธุกรรมข้อสะโพกไม่มีปัญหา
ดังนั้น วิธ๊ที่จะรู้น้ำหนักที่เหมาะสมของสุนัขแต่ละบ้าน ไม่ใช่ อ้างอิงจากน้ำหนักมาตรฐานอย่างเดียวค่ะ แต่ต้องอ้างอิลจากลักษณะรูปร่างด้วย ซึ่งแต่ละบ้านจะไม่เท่ากัน
ถ้าคุณบอกว่า "คุณเลี้ยงโกลเด้นแบบประหยัดงบ เลี้ยงให้เป็นหมา"
งั้นเยี่ยมเลยค่ะ... ถ้าเลี้ยงให้ประหยัดงบจริงๆ คุณยิ่งต้อง "ลดน้ำหนักโกลเด้นของคุณค่ะ"
เพราะโรคต่อไปนี้ ยิ่งน้ำหนักตัวเยอะมากเท่าไหร่ ยิ่งเป็นหนักและเปลืองเงินค่ารักษา ทรมานสุนัขมากเท่านั้น
กระดูก
แรงกดของน้ำหนักสุนัข ต่อกระดูก คือการรับน้ำหนัก ตัวหารจำนวนขา (่เช่น น้ำหนัก 36/4 => ขาข้างนึงรับน้ำหนัก 9 กิโลกรัม
น้ำหนัก 9 กิโลกรัม กระดูกขาข้างนึงมีพื้นที่ประมาณ ประมาณ 17 ตารางเซ็นติเมตร
แรงกดต่อพื้นที่ กระดูกหนึ่งข้าง => 52. 94kg / ตารางเมตร
เนื่องจากธรรมชาติฉลาด... กระดูกขาหลังของหมา ทำมุมประมาณ 60-45 องศา ทอนแรงเข้าไปได้ ดังนั้นขาข้างหนึงจะรับแรงกดน้ำหนักประมาณ 3/4
แถมด้วยมีกระดูกอ่อนคอยคั่นลดแรงกระแทกและแรงเสียดทานตอนเดิน ตอนวิ่ง ตอนกระโดดให้อีก
กระดูกอ่อนมีลักษณะคล้ายเยลลี่ หยุ่นๆ ช่วยทอนแรงกระแทกได้ และเด้งกลับสภาพเดิมได้ แต่โดนน้ำหนัก 50kg กดทับตลอดคิดว่า เจลกระดูกอ่อนไขข้อจะทนไหวไหมคะ = =?
ส่วนมากก็จะเกิดตอนสุนัขอายุเริ่มเยอะแล้วนั่นล่ะค่ะ
ถ้าไม่รู้ว่าสภาพเป็นยังไง ไปซื้อเยลลี่ jolly bear/ jolly cola แล้วเอาหนับงสือหนาๆ ซัก 20kg วางทับไว้ซักคืนนึงค่ะ แล้วรุ่งเช้ามาดูว่า เสียสภาพแค่ไหน

อันนี้ทำให้ดู หนังสือ 10 kg ทับหมีจอลลี่แบร์ที่มีโครงสร้างคล้ายกับกระดูกอ่อน ต่อเนื่อง 12 ชั่วโมง ให้เห็นภาพเฉยๆ ว่า น้ำหนักตัวที่มากเกินไปทำร้ายกระดูหมาของคุณได้แค่ไหน
นั่นคือสภาพที่เกิดจากน้ำหนักสุนัขที่มากเกินไปทำร้ายกระดูกอ่อนและไขข้อตัวเอง

พอกระดูกอ่อนเริ่มเสียสภาพ จะเริ่มเกิดการอักเสบ ข้อจะเริ่มบวม (กรณีข้อเข่า)
ถามตัวเองอีกครั้งนะคะ "รักสุนัขคุณจริงๆ รึเปล่า?" อยากเลี้ยงเขา "แบบประหยัดค่าใช้จ่ายจริงๆ รึเปล่า?"
จากประสบการณ์เลยนะคะ ถ้าอยากประหยัดค่าใช้จ่าย
เพิ่มความรู้ให้มากๆ แล้วก็ลงมือทำตามความรู้ในการเลี้ยงหมาที่ถูกต้องให้มากๆ มันลดโอกาสเสี่ยงของการเจ็บตัวโดยไม่ตั้งใจของสุนัข และการสิ้นเปลืองโดยไม่จำเป็นในการเลี้ยงค่ะ
เงินไม่ใช่สิ่งสำคัญสำหรับการเลี้ยงสุนัขพันธุ์ใดๆ แต่มันสำคัญกับของที่ต้องใช้เงินค่ะ
และความรัก ก็รักษาทุกโรคไม่ได้ค่ะ คุณอาจรักสุนัข แต่สุนัขกินความรักเพื่อรักษาอาการเจ็บป่วยทางร่างกายของเขาไม่ได้ เขาอาจสบายใจที่เจ้าของอยู่ด้วยเจ้าของรัก แต่ความเจ็บป่วยทรมานจากโรคจะมีอยู่แน่นอนมันไม่ได้หายไป ตราบใดที่ยังไม่ได้ยาแก้ปวดค่ะ

ถ้าคุณรักเขาไม่อยากให้เขาเจ็บป่วยโดยไม่จำเป็น แล้วไม่อยากใช้เงินโดยไม่จำเป็น คุณต้องมี ความรู้ ความรัก วินัย และการเอาใจใส่ค่ะ อย่าเลี้ยงเขาให้ไปพบหมอโดยไม่มีเหตุอันสมควรค่ะ